หมายเหตุ บรรณาธิการ
ในปี 2014 นักวิจัยพบว่า คนเรามักคิดว่าปลาทองจำอะไรไม่ค่อยได้ สนใจอะไรน้อยเพียง 9 วินาที แต่ปรากฏว่าที่จริงแล้วมนุษย์สนใจอะไรเพียง 8 วินาที สั้นกว่าปลาทองเสียอีก นี่จึงเป็นปัญหาของคนเราที่จะชักจูงคนให้มาสนใจนั้นจะต้องใช้เทคนิควิธีการที่ทำให้คนสนใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว หากจูงใจคนให้มาสนใจไม่ได้ ก็ย่อมผูกสัมพันธ์หรือนำเสนองานอะไรได้ยาก และหากไม่ประทับใจ ไม่น่าสนใจ คนคนนั้นก็จะเลิกสนใจเราไปทันที
การเรียนรู้เทคนิควิธีการจูงใจคนให้ได้ในเวลาอันรวดเร็วจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เราต้องเรียนรู้แนวทาง เทคนิค หรือวิธีการพูดเพื่อจูงใจให้คนฟังเปิดใจรับฟังคุณ สนใจและยอมรับข้อเสนอหรือความคิดของคุณ จนกระทั่งคล้อยตาม ซึ่งหนังสือเล่มนี้มีเทคนิควิธีการที่น่าสนใจ คือ หลักการ INTRIGUE โดยแต่ละตัวอักษรมีความหมายคือ I (Intro) N (New) T (Time-Efficient) R (Repeatable) I (Interact) G (Give) U (Useful) E (Examples) หนังสือเล่มนี้จะทำให้ผู้อ่านมีวิธีพูดกับคนและวิธีนำเสนองาน เพื่อจูงใจคนฟังให้สนใจ ยอมรับ และคล้อยตามคุณได้ในเวลาอันรวดเร็ว
หนังสือ “วิธีพูดจูงใจคน ให้ฟังคุณด้วยความสนใจ ยอมรับ และคล้อยตามในเวลาอันรวดเร็ว” เล่มนี้เป็น หนังสือดี แปลจากหนังสือขายดี “Got Your Attention? : How to Create Intrigue and Connect With Anyone.” เขียนโดย Sam Horn ผู้เขียนหนังสือขายดี “วิธีพูดกับคน” ที่จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถนำเทคนิควิธีการ รวมทั้งตัวอย่างต่าง ๆ ในหนังสือมาประยุกต์ใช้เพื่อให้คุณมีวิธีพูดจูงใจคน วิธีนำเสนองานให้คนสนใจ ยอมรับ และให้คล้อยตามได้อย่างได้ผล
สำนักพิมพ์ บี มีเดีย ความภูมิใจที่ได้จัดพิมพ์ หนังสือดี เล่มนี้ที่จะช่วยให้ผู้อ่านมีแนวคิด แนวทางและวิธีในการเปลี่ยนตนเองในเรื่องวิธีพูดเพื่อจูงใจคน และมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม
เพราะหนังสือดีเล่มนี้ เปลี่ยนแปลงชีวิตคนเราให้ดีขึ้นได้
สมชัย เบญจมิตร
สำนักพิมพ์ บี มีเดีย
มุ่งมั่นทำหนังสือดี... เพื่อคุณ
สารบัญ
ส่วนที่ 1 ของหลักการ INTRIGUE I = Intro (สร้างบทนำที่น่าสนใจ)
: “วิธีพูดเปิดฉากด้วยบทนำที่มัดใจคนฟังได้ตั้งแต่คำแรก” 19
บทที่ 1 : ใช้คำถาม “คุณรู้หรือไม่ว่า...” 21
บทที่ 2 : เอาภาพปลาตัวนั้นมาโชว์ให้คนเห็นกันเลย 31
บทที่ 3 : มีของดีต้องอย่าเก็บไว้คนเดียว 40
บทที่ 4 : เปลี่ยนคำว่า “ไม่” ให้เป็นคำว่า “ได้” 48
บทที่ 5 : เลิกข่มขวัญตัวเอง แล้วหันมาปลุกใจให้ฮึกเหิม 54
ส่วนที่ 2 ของหลักการ INTRIGUE N = New (นำเสนอสิ่งแปลกใหม่)
: แค่จริงยังไม่พอ แต่มันต้องแปลกใหม่ด้วย 64
บทที่ 6 : คิดสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ รวมทั้งวิธีและข้อเสนอ... 65
บทที่ 7 : ทำตัวให้อยู่ในกระแส 76
บทที่ 8 : มองโลกอย่างคนที่ถูกกระตุ้นให้ฉุกคิดขึ้นอีกครั้ง 86
บทที่ 9 : ใช้เสียงฮาเรียกความรู้สึกอะฮ่าขึ้นในหมู่ผู้ฟัง 94
ส่วนที่ 3 ของหลักการ INTRIGUE T = Time-Efficient (ใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพ) : ถ้าใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ คนฟังก็จะให้
ความไว้วางใจ 103
บทที่ 10 : พูดให้สั้นเข้าไว้ แล้วจะไม่เสียใจ 104
ส่วนที่ 4 ของหลักการ INTRIGUE R = Repeatable (นำไปเล่าต่อได้)
: ถ้าไม่เข้าใจ คนก็จะเอาไปเล่าต่อไม่ได้ 114
บทที่ 11 : คิดสร้างวลีขึ้นมาให้โดนใจ 115
ส่วนที่ 5 ของหลักการ INTRIGUE I = Interact (สร้างปฏิสัมพันธ์)
: อย่าแค่บอกข้อมูล แต่จงสร้างปฏิสัมพันธ์ 126
บทที่ 12 : เลิกแนะนำตัวแบบพูดอยู่ฝ่ายเดียวเสียทีเถอะ 127
บทที่ 13 : คิดสร้างบทสนทนาที่ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย 135
บทที่ 14 : ประชุมและจัดกิจกรรมแบบเป็นปฏิสัมพันธ์ 2 ทาง 143
ส่วนที่ 6 ของหลักการ INTRIGUE G = Give (เป็นฝ่ายให้)
: เป็นฝ่ายให้ความสนใจก่อน 157
บทที่ 15 : สานสัมพันธ์ผูกมิตรด้วยวิธีที่คิดขึ้นมาเป็นพิเศษ 158
บทที่ 16 : ตั้งใจฟังให้เหมือนกับที่คุณอยากให้คนอื่นรับฟังคุณ 166
ส่วนที่ 7 ของหลักการ INTRIGUE U = Useful (มีประโยชน์)
: จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อเป็นสิ่งที่ลงมือทำได้ 177
บทที่ 17 : สร้างความเกี่ยวโยงขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริง 178
บทที่ 18 : เสนอทางเลือก ไม่ใช่ออกคำสั่ง 187
ส่วนที่ 8 ของหลักการ INTRIGUE E = Examples (ยกตัวอย่าง)
: อย่าเล่าเรื่อง แต่จงยกตัวอย่างในชีวิตจริงให้เขาฟัง 200
บทที่ 19 : อธิบายให้เห็นภาพด้วยการยกตัวอย่างเหมือนเรื่อง “สุนัขบนเรือบรรทุกน้ำมัน” 201
บทที่ 20 : พาคนมาอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเทคนิค SCENE 210
บทสรุปและแผนปฏิบัติการ : ขั้นต่อไปต้องทำอะไร 218
บทที่ 21 : ทำให้คุณสามารถจูงใจคนไปได้... อีกนานแสนนาน 219
หลักความเชื่อเรื่อง INTRIGUE 229
แบบทดสอบหลักการ INTRIGUE 231
แหล่งข้อมูลอ้างอิง 234
