หนังสือ พูดกับลูกอย่างไร ให้เขาเชื่อฟังและไม่ต่อต้านเรา
ฟังลูกพูดอย่างไร ให้เขาไว้ใจและไม่ปิดบังเรา - ฉบับปรับปรุง
แปลจาก : HOW TO TALK SO KID WILL LISTEN
AND LITEN SO KID WILL TALK
เขียนโดย : Adele Faber and Elaine Mazlish
0000000
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีเด็กชายอายุ 7 ขวบอยู่สองคน
คนหนึ่งชื่อ บรูซ
อีกคนหนึ่งชื่อ เดวิด
เด็กทั้งสองต่างก็มีแม่ซึ่งรักลูกเป็นที่สุด
วันคืนของเด็กทั้งสองนั้นเริ่มต้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ประโยคแรกที่บรูซได้ยินเวลาที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าคือ “ตื่นได้แล้ว บรูซ เดี๋ยวลูกก็ไปโรงเรียนสายอีกหรอก”
บรูซลุกจากที่นอน อาบน้ำแต่งตัวด้วยตัวเอง
เพียงแต่ยังไม่ได้ใส่รองเท้า เขาเดินมารับประทานอาหารเช้า
แม่พูดกับเขาว่า
“รองเท้าลูกไปไหนล่ะ นี่ ลูกตั้งใจจะเดินเท้าเปล่าอย่างนี้ไปโรงเรียนเหรอ... แล้วดูแต่งตัวเข้าสิ เสื้อหนาวสีฟ้านั่นดูน่าเกลียดมาก มันไม่เข้ากับเสื้อเชิ้ตสีเขียวตัวนี้เลย...
บรูซ ลูกรัก ลูกไปทำอะไรกับกางเกงมาน่ะ ขาดรุ่งริ่งแล้ว แม่อยากให้ลูกไปเปลี่ยนชุดซะก่อนที่จะมาทานอาหารเช้า ลูกของแม่ไม่ใส่กางเกงขาด ๆ ไปโรงเรียนหรอกนะ...
แล้วก็ระมัดระวังหน่อยตอนเทน้ำส้มน่ะ อย่าทำหกเลอะเทอะเหมือนทุกทีล่ะ”
บรูซเทน้ำส้ม แล้วก็ทำมันหกจนได้
แม่ของเขาฉุนเฉียวขึ้นมาทันที ในขณะที่เธอไปหยิบไม้มาถูพื้น เธอก็พูดว่า “เฮ้อ... แม่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับลูกดี”
บรูซบ่นพึมพำอะไรบางอย่างกับตัวเอง
“บ่นอะไร หา” แม่ถาม “ลูกบ่นพึมพำอะไรอีกแล้ว”
บรูซทานอาหารเช้าของเขาอย่างเงียบ ๆ จากนั้นเขาก็ลุกไปเปลี่ยนกางเกง ใส่รองเท้า ไปหยิบกระเป๋าหนังสือ แล้วก็จากไปโรงเรียน แม่ของเขาตะโกนไล่หลังว่า
“บรูซ ลูกลืมอาหารกลางวันไว้แน่ะ นี่ถ้าหัวไม่ติดอยู่ที่ไหล่ แม่พนันได้เลยว่า ลูกก็จะลืมมันทิ้งไว้ที่บ้าน”
บรูซเดินกลับมาหยิบกล่องอาหารกลางวัน และในขณะที่กำลังเดินออกจากประตูบ้านอีกครั้ง
แม่ก็เตือนเขาว่า “แล้วก็อย่าลืมทำตัวดี ๆ ที่โรงเรียนล่ะ”...
00000000000
เดวิดอาศัยอยู่ในบ้านฝั่งตรงข้าม
ประโยคแรกที่เขาได้ยินในตอนเช้าคือ “เดวิด 7 โมงแล้วลูก ลูกจะตื่นตอนนี้เลย หรือว่าอยากจะนอนต่ออีก 5 นาที” เดวิดพลิกตัวไปมาแล้วหาวปากกว้าง
“ขออีก 5 นาทีฮะ” เขางัวเงียตอบ
อีกสักพัก เดวิดก็ลุกขึ้น อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย เดินมาที่โต๊ะอาหาร เพียงแต่ยังไม่ได้ใส่รองเท้า
“อ้อ ลูกแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่รองเท้าเท่านั้น... อ้าว ตะเข็บกางเกงของลูกขาดแน่ะ ดูเหมือนว่ามันจะปริขึ้นอีกแล้ว แม่ควรจะเย็บมันตอนนี้เลย หรือว่าลูกจะไปเปลี่ยนกางเกงตัวใหม่”
เดวิดคิดอยู่สองสามวินาที แล้วพูดว่า “เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนกางเกง หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จดีกว่า”
จากนั้นเขาก็นั่งลงที่โต๊ะอาหาร เทน้ำส้ม และทำมันหก
“ผ้าขี้ริ้วอยู่ในอ่างล้างจานแน่ะ” แม่ส่งเสียงมา ขณะที่เธอกำลังจัดอาหารกลางวันใส่กล่องให้ลูก เดวิดเดินไปหยิบผ้าขี้ริ้ว และเช็ดน้ำที่หก พวกเขาคุยกันอยู่อีกครู่หนึ่ง
ขณะที่เดวิดรับประทานอาหารเช้า พอเขาทานเสร็จ เดวิดก็ไปเปลี่ยนกางเกง ใส่รองเท้า ไปเอากระเป๋าหนังสือ แล้วก็จากไปโรงเรียน โดยลืมหยิบกล่องอาหารกลางวัน
แม่ตะโกนตามมาว่า “เดวิด อาหารกลางวันของลูกแน่ะ”
เขาวิ่งกลับมาหยิบกล่องอาหารกลางวัน และขอบคุณแม่ ในขณะที่เธอยื่นกล่องอาหารกลางวันให้ลูก
แม่พูดว่า “แล้วเจอกันนะจ๊ะ”
บรูซและเดวิดเรียนอยู่ห้องเดียวกัน ในระหว่างชั่วโมงเรียนวันนั้น ครูบอกกับนักเรียนในชั้นว่า “เด็ก ๆ พวกเธอคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า เราจะจัดแสดงละครวันระลึกถึงโคลัมบัสในสัปดาห์หน้า
เราต้องการอาสาสมัครสักคนเพื่อช่วยทำป้ายยินดีต้อนรับไว้ที่หน้าห้องเรียนของเรา แล้วเรายังต้องการอาสาสมัครอีกคนหนึ่ง เพื่อช่วยบริการเครื่องดื่มให้กับแขกที่จะมาชมการแสดง และเราก็ต้องการใครสักคนเพื่อช่วยไปเชิญชวนเพื่อนนักเรียนชั้น ป. 3 ห้องอื่น ๆ ให้มาชมการแสดงของพวกเรา โดยเขามีหน้าที่ป่าวประกาศเรื่องวัน เวลา และสถานที่ให้กับเพื่อน ๆ”
เด็กบางคนรีบยกมือขึ้นรับอาสาครูในทันที ในขณะที่เด็กบางคนมีท่าทีลังเล และในขณะเดียวกัน เด็กบางคนก็ไม่ยอมยกมือขึ้นเลย
เรื่องราวของเราจบลงตรงนี้
นั่นคือสิ่งที่เรารู้ สิ่งที่เราเห็น เราได้แต่เดาว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นต่อหลังจากนั้น แต่อย่างน้อย เรื่องที่เล่ามานี้คงทิ้งข้อคิดบางอย่างให้กับเรา ดังนั้นเพื่อที่จะช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้น ขอให้ใช้เวลาสักครู่กับการตอบคำถามดังต่อไปนี้
1. คุณว่าเดวิดมีแนวโน้มที่จะยกมือขอเป็นอาสาสมัครหรือไม่
2. แล้วบรูซล่ะ
3. คุณว่าอะไรคือความสัมพันธ์ระหว่างทัศนคติที่เด็กมีต่อตัวเอง กับความยินดีที่เขาจะเผชิญกับสิ่งท้าทาย หรือยอมเสี่ยงต่อความล้มเหลว
4. อะไรคือความสัมพันธ์ระหว่างทัศนคติที่เด็กมีต่อตัวเองกับ เป้าหมายที่เด็กตั้งไว้สำหรับตัวเอง
สมชัย เบญจมิตร
สำนักพิมพ์ บี มีเดีย
มุ่งมั่นทำหนังสือดี... เพื่อคุณ